ข่าว:

Exness ลงทะเบียนระบบใหม่ ใส่รหัสพาร์ทเนอร์ 73208
https://www.exness.com/boarding/sign-up/a/73208?lng=th
1. เลือกประเทศ ไทย
2. อีเมล์จริงของคุณ
3. รหัสผ่าน
* รหัสผ่านต้องมีความยาว 8-15 ตัว
* ใช้ทั้งอักษรตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก
* ใช้ทั้งตัวเลขและตัวอักษรภาษาอังกฤษ
* ห้ามใช้อักขระพิเศษ (!@#$%^&*., และอื่นๆ)
4. ใส่รหัสพาร์ทเนอร์ 73208

Main Menu

กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

#31
iphone 15 pro max 256 GB กับ realme 11 pro+ เครื่องใดแรงกว่ากัน

iPhone 15 Pro Max 256 GB แรงกว่า Realme 11 Pro+ อย่างแน่นอน โดย iPhone 15 Pro Max ใช้ชิปเซ็ต A16 Bionic ซึ่งเป็นชิปเซ็ตระดับเรือธงล่าสุดจาก Apple ที่ผลิตด้วยกระบวนการผลิต 4nm มีประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่าชิปเซ็ต Dimensity 7050 5G ที่ Realme 11 Pro+ ใช้อยู่มากพอสมควร

จากผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Geekbench 5 พบว่า iPhone 15 Pro Max 256 GB ได้คะแนน Single-Core 1,783 คะแนน และ Multi-Core 4,743 คะแนน ส่วน Realme 11 Pro+ ได้คะแนน Single-Core 935 คะแนน และ Multi-Core 3,213 คะแนน

จะเห็นได้ว่า iPhone 15 Pro Max 256 GB ได้คะแนนมากกว่า Realme 11 Pro+ ในทุกด้าน ส่งผลให้ iPhone 15 Pro Max ทำงานได้เร็วกว่า ลื่นกว่า และรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงได้ดีกว่า

นอกจากชิปเซ็ตแล้ว iPhone 15 Pro Max ยังมี RAM 12GB มากกว่า Realme 11 Pro+ ที่มี RAM 8GB ซึ่งจะช่วยให้ iPhone 15 Pro Max สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ดังนั้นหากต้องการมือถือที่แรงที่สุด ประสิทธิภาพการทำงานสูง iPhone 15 Pro Max 256 GB จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า Realme 11 Pro+ อย่างแน่นอน

------------------------------------------------
iphone 15 pro max 256 GB กับ realme 11 pro+ เครื่องใดขายทิ้ง เครื่องใดใช้งาน

ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น งบประมาณ ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของคุณ

**iPhone 15 Pro Max 256 GB**

* ข้อดี:
    * ประสิทธิภาพและคุณสมบัติที่เหนือกว่า
    * กล้องที่ยอดเยี่ยม
    * แบรนด์ Apple ที่มีชื่อเสียง
* ข้อเสีย:
    * ราคาแพง
    * อัปเดตซอฟต์แวร์ช้ากว่าคู่แข่ง

**realme 11 Pro+**

* ข้อดี:
    * ราคาประหยัด
    * คุณสมบัติที่ครบครัน
    * กล้องที่ดี
    * อัปเดตซอฟต์แวร์เร็วกว่าคู่แข่ง
* ข้อเสีย:
    * ประสิทธิภาพและคุณสมบัติด้อยกว่า iPhone 15 Pro Max
    * แบรนด์ realme ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก

หากคุณต้องการโทรศัพท์ที่มีประสิทธิภาพและคุณสมบัติที่เหนือกว่า กล้องที่ยอดเยี่ยม และแบรนด์ที่มีชื่อเสียง iPhone 15 Pro Max 256 GB เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

แต่หากคุณมีงบประมาณจำกัด ต้องการโทรศัพท์ที่มีคุณสมบัติครบครัน กล้องที่ดี และอัปเดตซอฟต์แวร์เร็ว realme 11 Pro+ เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

**คำแนะนำเฉพาะ**

* หากคุณกำลังมองหาโทรศัพท์ที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูง Realme 11 Pro+ เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม คุณสามารถซื้อได้ในราคาเพียงครึ่งหนึ่งของ iPhone 15 Pro Max แต่ยังคงมีหน้าจอที่ยอดเยี่ยม กล้องที่ยอดเยี่ยม และคุณสมบัติที่ครบครัน

* หากคุณต้องการโทรศัพท์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ iPhone 15 Pro Max 256 GB เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า คุณจะได้รับการประมวลผลที่เร็วขึ้น กล้องที่ดีขึ้น หน้าจอที่ดีขึ้น และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น

ท้ายที่สุดแล้ว การตัดสินใจว่าจะขายทิ้งเครื่องใดและใช้งานเครื่องใดนั้นขึ้นอยู่กับคุณ พิจารณาปัจจัยต่างๆ ข้างต้นอย่างรอบคอบเพื่อตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับคุณ
-------------------------------------------------------
iphone 15 pro max 256 GB กับ realme 11 pro+ เครื่องใด เทรด mt4 mt5 ได้ดีกว่า

ในแง่ของประสิทธิภาพโดยรวม iPhone 15 pro max 256 GB เทรด MT4 MT5 ได้ดีกว่า Realme 11 pro+ อย่างแน่นอน เนื่องจากมีสเปกที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดังนี้

* ชิปประมวลผล A16 Bionic ของ iPhone 15 pro max มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าชิป MediaTek Dimensity 920 ของ Realme 11 pro+ อย่างมาก โดย A16 Bionic นั้นมีประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับชิป M2 ของ Apple M2 ที่ใช้กับ MacBook Air เลยทีเดียว
* หน่วยความจำ RAM 6 GB ของ iPhone 15 pro max นั้นมากกว่าหน่วยความจำ RAM 8 GB ของ Realme 11 pro+ เล็กน้อย แต่หากพิจารณาจากประสิทธิภาพของชิปประมวลผลแล้ว 6 GB ของ iPhone 15 pro max ก็เพียงพอต่อการใช้งาน MT4 MT5 ได้อย่างลื่นไหลแล้ว
* หน่วยความจำภายใน 256 GB ของ iPhone 15 pro max นั้นเพียงพอต่อการติดตั้งแอปพลิเคชันและเก็บข้อมูลการเทรด MT4 MT5 ได้อย่างสบาย ๆ ในขณะที่ Realme 11 pro+ มีหน่วยความจำภายในเพียง 128 GB เท่านั้น

นอกจากนี้ iPhone 15 pro max ยังมีหน้าจอที่ใหญ่กว่า Realme 11 pro+ อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้นักเทรดมองเห็นข้อมูลต่าง ๆ บนหน้าจอได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม Realme 11 pro+ ก็มีจุดเด่นอยู่บ้าง เช่น ราคาที่ย่อมเยากว่า iPhone 15 pro max มาก และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่าเล็กน้อย

ดังนั้น หากนักเทรดต้องการเทรด MT4 MT5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด iPhone 15 pro max 256 GB จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า Realme 11 pro+ อย่างแน่นอน แต่หากนักเทรดมีงบประมาณจำกัดและต้องการเครื่องที่ใช้งานได้ดี Realme 11 pro+ ก็ยังสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
#32
การแก้ไขเว็บไม่ขึ้น plesk Lets Encrypt (Your connection is not private) 18 DEC 2023

ทำตามรูปภาพ เข้าหน้า login ก่อน
#33
Exness เพิ่มเมนูกระเป๋าเงิน Crypto ฝากถอนเริ่มต้น 10 USD หรือประมาณ 350 บาท

เปิดบัญชี Standard ได้ที่ https://www.exness.com/a/73208

เข้าหน้าพื้นที่ส่วนบุคคล เมนูกระเป๋าเงิน Crypto

ตัวอย่าง Admin ฝากเงิน เทรด และถอนเงินเป็น Crypto

USD --> Cryoto
#34
ราคาทองคำและคริปโตกำลังวิ่งขึ้น ทำ New High ใหม่ 4 ธค. 2566

เปิดบัญชี MT4 MT5 ได้ที่ https://www.exness.com/a/73208
#35
Exness กราฟค้างสามารถเคลมได้ 22 NOV 2023

เปิดบัญชี MT4 MT5 ได้ที่ https://www.exness.com/a/73208

1. ทางการแชทสดกับเจ้าหน้าที่ และเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการช่วยเหลือและบริการจากเจ้าหน้าที่ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ในการสนทนาผ่านแชทสดครั้งต่อไป ลูกค้าสามารถพิมพ์คำว่า "เจ้าหน้าที่" ในช่องแชท เพื่อให้ระบบทำการโอนแชทมายังเจ้าหน้าที่โดยตรง

2. ทางโทรศัพท์ ลูกค้าสามารถโทรฟรี ที่เบอร์ 1-800-012-303 ท่านสามารถตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ได้จากบริเวณมุมขวาบนของเว็บไซต์

3. ทาง Email : support@exness.com

สามารถติดต่อเข้ามาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันค่ะ

หากปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อออเดอร์ของลูกค้า รบกวนลูกค้าทำการส่งอีเมลจากอีเมลที่ทำการลงทะเบียนเข้ามาที่ support@exness.com โดยระบุข้อมูลดังนี้ค่ะ
1. ระบุหมายเลขบัญชี Exness
2. เเจ้งหมายเลขออเดอร์ที่มีปัญหาทั้งหมด
3. ระบุช่องทางที่ทำรายการ (แอป Exness / Exness Terminal / Webterminal / โปรแกรมเทรด MT4 หรือ MT5)
4. เเนบ Log file (กรณีเทรดบนโปรแกรมเทรด MT4 / MT5)
โดยวิธีการดึง Log file สามารถตรวจสอบได้ที่ลิงก์ https://get.exness.help/hc/th/articles/360013312112
หลังจากที่ทางเราได้รับอีเมลของลูกค้าเเล้ว ทางเราจะทำการส่งเรื่องให้ทางผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเพิ่มเติมโดยจะใช้เวลา 3-5 วันทำการ ซึ่งหากออเดอร์ของลูกค้าเกิดความเสียหายเนื่องมาจากเซิร์ฟเวอร์ของทางเรา ทางเรายินดีชดเชยค่าเสียหายให้แก่ออเดอร์ของลูกค้า

admin junjao ถามว่า ต้องปิด order หรือ ถือ order ไว้ครับ...
ลูกค้าสามารถทำการส่งอีเมลพร้อมเเจ้งข้อมูลที่เจ้าหน้าที่เรียเนเจ้งข้างต้นในกรณีที่ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อออเดอร์ของลูกค้าได้เลยค่ะ ในส่วนของออเดอร์ ที่ท่านยังถือไว้นั้น การดำเนินการจะเป็นดุลยพินิจของท่านค่ะ ในส่วนนี้เจ้าหน้าที่จะไม่สามารถเเจ้งได้นะคะ


#36
ก่อนถึง 30 พฤศจิกายน 2566 ลูกค้าใหม่ Exness ที่ยังไม่เคยเปิดเทรด หรือเทรดครั้งแรก (ขยายเวลา)

MT4 , MT5  , Exness terminal รับโบนัสเทรด 10 USD หรือ 1,000 USC

จำนวน 10 ID (ชื่อไม่ช้ำกัน) โอนก่อน 5 USD เทรดครบ 0.05 lot รับอีก 5 USD

และเป็นลูกค้าที่สมัครผ่านลิงค์ตัวแทนเท่านั้น www.exness.com/a/73208

แจ้งชื่อ + ID Exness  และอีเมล์ มาที่  line : junjaocom

Admin แนะนำว่า เทรดได้หมด เป็น forex Major เช่น EURUSDm เปิดทีละ 0.01 lot ค่าสเปรดต่ำ TP และ SL 100-300 จุดด้วย
#37
การคำนวณ lot กับ balance มีความสำคัญในการเทรด forex เนื่องจากเป็นการกำหนดจำนวนเงินที่นักเทรดต้องวางเดิมพันในแต่ละการเทรด การคำนวณ lot ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้นักเทรดสูญเสียเงินทุนได้

สูตรการคำนวณ lot คือ

```
lot = (balance * risk) / (stop loss * pip value)
```

โดยที่

* **balance** คือ เงินทุนของนักเทรด
* **risk** คือ ความเสี่ยงที่นักเทรดยอมรับได้ต่อหนึ่งการเทรด
* **stop loss** คือ ระดับราคาที่นักเทรดตั้งไว้เพื่อตัดขาดทุน
* **pip value** คือ มูลค่าของ pip ในแต่ละคู่เงิน

ตัวอย่างการคำนวณ lot

สมมติว่านักเทรดมีเงินทุน 10,000 ดอลลาร์ ยอมรับความเสี่ยงได้ 2% และตั้ง stop loss ไว้ที่ 50 pips สำหรับคู่เงิน EUR/USD ซึ่งมีค่า pip value เท่ากับ 0.0001 ดอลลาร์

```
lot = (10,000 * 0.02) / (50 * 0.0001)
```

```
lot = 0.04
```

ดังนั้น นักเทรดควรใช้ lot เท่ากับ 0.04 สำหรับการเทรดคู่เงิน EUR/USD

การคำนวน lot ที่เหมาะสมควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้

* **ความเสี่ยงที่ยอมรับได้** นักเทรดควรกำหนดความเสี่ยงที่ยอมรับได้ต่อหนึ่งการเทรด โดยปกติแล้วความเสี่ยงจะอยู่ที่ 1% ถึง 5% ของเงินทุน
* **stop loss** นักเทรดควรตั้ง stop loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง
* **มูลค่าของ pip** มูลค่าของ pip ของแต่ละคู่เงินแตกต่างกันไป

นอกจากนี้ นักเทรดยังสามารถใช้เครื่องมือคำนวณ lot เพื่อช่วยในการคำนวนได้อีกด้วย

ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการคำนวน lot ที่เหมาะสม

* ควรเริ่มต้นด้วย lot ขนาดเล็กและค่อย ๆ เพิ่ม lot เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น
* ควรคำนึงถึงความเสี่ยงที่ยอมรับได้และมูลค่าของ pip
* ควรใช้เครื่องมือคำนวณ lot เพื่อช่วยให้การคำนวณง่ายขึ้น

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ควรปรึกษาโบรกเกอร์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน

----------------------------
หมายเหตุ lot = (balance * risk) / (Point) Stoploss
1,000 USD * 2% / 500 จุด = 0.04 lot
#38
เดิน 1 ก้าว เท่ากับ กี่เมตร

ระยะก้าวของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น ความยาวของขา ความสูง น้ำหนัก และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ดังนั้นจึงไม่มีคำตอบที่ตายตัวว่าเดิน 1 ก้าว เท่ากับกี่เมตร แต่โดยทั่วไปแล้ว ระยะก้าวจะอยู่ที่ประมาณ 50-70 เซนติเมตร หรือ 0.5-0.7 เมตร

หากต้องการทราบระยะก้าวของตัวเอง สามารถลองเดินในระยะทางที่รู้ความยาวที่แน่นอน แล้วนับจำนวนก้าวดู เช่น เดิน 100 เมตร นับก้าวได้ 200 ก้าว จะได้ระยะก้าวเฉลี่ยเท่ากับ 0.5 เมตร

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อระยะก้าว เช่น ความเร็วในการเดิน หากเดินเร็ว ระยะก้าวจะยาวขึ้น และหากเดินช้า ระยะก้าวจะสั้นลง

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างระยะทางที่เดินได้จากจำนวนก้าว

เดิน 1,000 ก้าว เท่ากับประมาณ 500-700 เมตร
เดิน 10,000 ก้าว เท่ากับประมาณ 5-7 กิโลเมตร
การเดิน 10,000 ก้าว ถือว่าเป็นเป้าหมายที่ได้รับความนิยมในการเดินออกกำลังกาย เนื่องจากเป็นจำนวนก้าวที่เพียงพอต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เริ่มต้น ควรเริ่มจากจำนวนก้าวที่น้อยกว่าและค่อย ๆ เพิ่มจำนวนก้าวขึ้นเรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม
#39
การเดินออกกำลังกายเป็นการออกกำลังกายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหัวใจ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวานประเภท 2 และโรคข้อเสื่อม เป็นต้น

โดยทั่วไป การเดินออกกำลังกายวันละ 30 นาที หรือ 10,000 ก้าว ถือว่าเพียงพอต่อสุขภาพ แต่สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกาย ควรเริ่มจากวันละ 10-15 นาที หรือ 3,000-5,000 ก้าว และค่อย ๆ เพิ่มระยะทางและเวลาในการเดินขึ้นเรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม

นอกจากจำนวนก้าวในการเดินแล้ว ความเร็วในการเดินก็มีความสำคัญเช่นกัน การเดินเร็วจะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าการเดินช้า เนื่องจากช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากกว่า การเดินเร็วควรเดินให้เร็วพอที่จะรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย แต่ก็ยังหายใจได้สะดวก

นอกจากการเดินออกกำลังกายแล้ว ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ โดยแบ่งเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างน้อย 75 นาที และการออกกำลังกายแบบฝึกความแข็งแรงอย่างน้อย 2 สัปดาห์ต่อสัปดาห์

ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำในการเดินออกกำลังกายอย่างปลอดภัย

* เริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ควรเดินมากเกินไปในครั้งแรก
* เลือกรองเท้าที่ใส่สบายและเหมาะสมกับกิจกรรม
* ดื่มน้ำให้เพียงพอก่อน ระหว่าง และหลังการเดิน
* ฟังเสียงร่างกาย หากรู้สึกเจ็บหรือเหนื่อยเกินไป ควรหยุดเดิน

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกาย
#40
Affiliate Marketing หรือ การตลาดแบบพันธมิตร คือ รูปแบบการตลาดที่ธุรกิจหรือเจ้าของสินค้าจะร่วมมือกับบุคคลภายนอก (พันธมิตร) เพื่อโปรโมตสินค้าหรือบริการของธุรกิจ โดยพันธมิตรจะได้รับค่าตอบแทนจากการโปรโมตสินค้าหรือบริการของธุรกิจในรูปแบบของค่าคอมมิชชั่น

การตลาดแบบพันธมิตรเป็นรูปแบบการตลาดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ และสร้างยอดขายให้กับธุรกิจ โดยพันธมิตรสามารถโปรโมตสินค้าหรือบริการของธุรกิจผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย บล็อก หรืออีเมล

ประเภทของการตลาดแบบพันธมิตร

การตลาดแบบพันธมิตรสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

* **Cost-per-click (CPC)** พันธมิตรจะได้รับค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีคนคลิกลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของธุรกิจ
* **Cost-per-sale (CPS)** พันธมิตรจะได้รับค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีคนซื้อสินค้าหรือบริการของธุรกิจ

นอกจากนี้ การตลาดแบบพันธมิตรยังสามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อย ๆ เพิ่มเติมได้ เช่น

* **Cost-per-lead (CPL)** พันธมิตรจะได้รับค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีคนกรอกแบบฟอร์มหรือลงทะเบียนกับธุรกิจ
* **Cost-per-action (CPA)** พันธมิตรจะได้รับค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีคนดำเนินการบางอย่าง เช่น ซื้อสินค้า สมัครสมาชิก หรือดาวน์โหลดไฟล์

ประโยชน์ของการตลาดแบบพันธมิตร

การตลาดแบบพันธมิตรมีประโยชน์มากมายสำหรับธุรกิจและพันธมิตร ดังนี้

* **สำหรับธุรกิจ**
    * เข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ได้ง่าย
    * สร้างยอดขายและรายได้
    * ลดต้นทุนในการโฆษณา
* **สำหรับพันธมิตร**
    * สามารถสร้างรายได้จากการโปรโมตสินค้าหรือบริการของธุรกิจ
    * เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ
    * พัฒนาทักษะและความรู้ด้านการตลาด

ข้อดีและข้อเสียของการตลาดแบบพันธมิตร

ข้อดีของการตลาดแบบพันธมิตร ได้แก่

* เป็นรูปแบบการตลาดที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า
* ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ได้ง่าย
* ช่วยลดต้นทุนในการโฆษณา

ข้อเสียของการตลาดแบบพันธมิตร ได้แก่

* ต้องใช้ความพยายามในการคัดเลือกและจัดการพันธมิตร
* พันธมิตรอาจไม่โปรโมตสินค้าหรือบริการของธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป

การตลาดแบบพันธมิตรเป็นรูปแบบการตลาดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ และสร้างยอดขายให้กับธุรกิจ โดยพันธมิตรสามารถโปรโมตสินค้าหรือบริการของธุรกิจผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย บล็อก หรืออีเมล
x [close]
x [close]