คำว่า **"Handicap" (แฮนดิแคป)** ในกอล์ฟ คือระบบที่ใช้ **ปรับความยุติธรรม** ระหว่างนักกอล์ฟที่มีฝีมือต่างกัน 👍
---
## 🏌��♂️ ความหมายสั้น ๆ
> **Handicap คือ ค่าความสามารถของนักกอล์ฟ**
> แสดงเป็น "ตัวเลข" บอกว่า นักกอล์ฟคนนั้น **ตีเกินจากพาร์โดยเฉลี่ยกี่สโตรก**
---
## 📊 ตัวอย่างความเข้าใจง่าย
| นักกอล์ฟ | ค่า Handicap | ความหมาย |
| -------- | ------------ | ------------------------------------------------- |
| A | 0 | ระดับโปร หรือ scratch golfer (ตีได้พาร์โดยเฉลี่ย) |
| B | 10 | โดยเฉลี่ยตีเกินพาร์ 10 สโตรก ต่อ 18 หลุม |
| C | 24 | ตีเกินพาร์ประมาณ 24 สโตรก ต่อ 18 หลุม |
ดังนั้น ถ้าแข่งกัน
* คนที่มี **Handicap สูงกว่า** จะได้ **แต้มต่อ (strokes)** เพิ่มในบางหลุม
* เพื่อให้แข่งขันกันได้ยุติธรรม
---
## 🎯 วิธีคิดแต้มต่อในแต่ละหลุม (แนวคิด)
สมมติสนามมี 18 หลุม และแต่ละหลุมมี **Handicap (HD)** ตั้งแต่ 1 ถึง 18 (ยาก → ง่าย)
ถ้าคุณมี Handicap 18
* คุณจะได้แต้มต่อ **1 สโตรกในทุกหลุม**
ถ้ามี Handicap 9
* คุณจะได้แต้มต่อเฉพาะหลุม HD 1–9 เท่านั้น
เช่น
* หลุม HD 1 (ยากสุด) → คุณได้แต้มต่อก่อน
* หลุม HD 18 (ง่ายสุด) → ไม่มีแต้มต่อ
---
## 🧮 ตัวอย่างการคิดจริง
คุณมี Handicap 18
เล่นหลุม **Par 4 HD 1**
* ถ้าคุณตี 5 สโตรก → ปกติคือ Bogey (+1)
* แต่เพราะคุณได้แต้มต่อ 1 สโตรก → จึงถือว่า **เท่ากับพาร์** ในการคิดแต้มแข่งขัน
---
## 🏆 สรุปสั้น ๆ
> **Handicap คือ ค่าที่ใช้วัดฝีมือ และปรับแต้มต่อให้ผู้เล่นทุกระดับแข่งขันกันได้อย่างยุติธรรม**
-------------------------------
เยี่ยมครับ คำถามนี้สำคัญมากเลย 👍
เพราะ **"Handicap" (HCP)** ไม่ได้มาจากการเดา — แต่มีสูตรทางการที่ใช้ทั่วโลก เรียกว่า
> **World Handicap System (WHS)**
> ใช้โดยสมาคมกอล์ฟทั่วโลก รวมถึง **สมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทย (TGA)**
---
## 🧮 ขั้นตอนคำนวณ Handicap อย่างเป็นทางการ (WHS)
### 🩵 ขั้นตอนที่ 1 : บันทึกคะแนนจริง (Score)
หลังจากเล่นครบ 18 หลุม
ให้บันทึกคะแนน "จำนวนสโตรกที่ใช้จริง" ในแต่ละหลุม
---
### 💛 ขั้นตอนที่ 2 : คำนวณค่า "Score Differential (SD)"
สูตรคือ 👇
[
\text{Score Differential} = \frac{(Adjusted Gross Score - Course Rating) \times 113}{Slope Rating}
]
#### คำอธิบาย:
* **Adjusted Gross Score (AGS)** = คะแนนรวมหลังปรับ (เช่น จำกัดจำนวนสโตรกสูงสุดต่อหลุมตามกติกา "Net Double Bogey")
* **Course Rating (CR)** = ค่าความยากของสนามสำหรับนักกอล์ฟระดับพาร์ (ประกาศไว้ใน scorecard)
* **Slope Rating (SR)** = ค่าความชันของสนาม (บอกความยากสำหรับนักกอล์ฟทั่วไป, ค่ากลางคือ 113)
---
### 🩷 ขั้นตอนที่ 3 : เลือก **ค่าเฉลี่ยของ 8 ดีที่สุดจาก 20 รอบล่าสุด**
เมื่อคุณมี **Score Differential** จากการเล่นอย่างน้อย 20 รอบ
→ ให้นำ **8 ค่าที่ดีที่สุด (ต่ำสุด)** มาหาค่าเฉลี่ย
[
\text{Handicap Index} = \text{ค่าเฉลี่ยของ 8 Score Differential ที่ต่ำสุด}
]
---
### 💚 ขั้นตอนที่ 4 : ปัดทศนิยม
* ปัดให้เหลือ **ทศนิยม 1 ตำแหน่ง**
เช่น 12.34 → Handicap Index = **12.3**
---
### 💙 ขั้นตอนที่ 5 : ใช้คำนวณ "Course Handicap" ก่อนเล่นจริง
เพราะแต่ละสนามมีความยากไม่เท่ากัน
ต้องแปลงเป็น "Course Handicap" ก่อนใช้แข่งขันจริง
สูตรคือ 👇
[
\text{Course Handicap} = \text{Handicap Index} \times \frac{\text{Slope Rating}}{113} + (\text{Course Rating} - \text{Par})
]
---
## 📊 ตัวอย่างคำนวณจริง
| รายการ | ค่า |
| ---------------------- | ---- |
| คะแนนรวมหลังปรับ (AGS) | 90 |
| Course Rating | 72.0 |
| Slope Rating | 130 |
[
\text{Score Differential} = \frac{(90 - 72.0) \times 113}{130} = 15.6
]
ถ้ามีรอบอื่น ๆ อีก 19 รอบ
→ เอา **8 ค่าที่ดีที่สุด** มาหาค่าเฉลี่ย เช่น ได้ค่าเฉลี่ย = 14.2
⇒ **Handicap Index = 14.2**
จากนั้นถ้าไปเล่นสนามที่ Slope Rating = 125
[
\text{Course Handicap} = 14.2 \times \frac{125}{113} = 15.7 \approx 16
]
แปลว่าในสนามนี้ คุณจะได้ **แต้มต่อ 16 สโตรก** สำหรับ 18 หลุม
---
## 🏁 สรุปสั้น ๆ
| ขั้นตอน | รายละเอียด |
| ------- | ----------------------------------------- |
| 1 | เก็บคะแนนจริงแต่ละรอบ |
| 2 | คำนวณ Score Differential |
| 3 | เอา 8 ค่าที่ดีที่สุดจาก 20 รอบ |
| 4 | ได้ค่า Handicap Index |
| 5 | คำนวณ Course Handicap ก่อนเล่นในแต่ละสนาม |
------------------------