ข่าว:

Exness ลงทะเบียนระบบใหม่ ใส่รหัสพาร์ทเนอร์ 73208
https://www.exness.com/boarding/sign-up/a/73208?lng=th
1. เลือกประเทศ ไทย
2. อีเมล์จริงของคุณ
3. รหัสผ่าน
* รหัสผ่านต้องมีความยาว 8-15 ตัว
* ใช้ทั้งอักษรตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก
* ใช้ทั้งตัวเลขและตัวอักษรภาษาอังกฤษ
* ห้ามใช้อักขระพิเศษ (!@#$%^&*., และอื่นๆ)
4. ใส่รหัสพาร์ทเนอร์ 73208

Main Menu

กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

#1
การบริโภคโปรตีนที่เหมาะสมต่อวันขึ้นอยู่กับเป้าหมายและลักษณะกิจกรรมของแต่ละคน แต่สำหรับคนที่มีน้ำหนัก 80 กิโลกรัม การบริโภคโปรตีนสามารถคำนวณได้ตามสูตรทั่วไปดังนี้:

1. **คนที่ไม่มีการออกกำลังกายหรือออกกำลังกายเบาๆ (ไม่เพิ่มกล้ามเนื้อ):** 
   ประมาณ 0.8-1.0 กรัมโปรตีนต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม 
   คำนวณสำหรับน้ำหนัก 80 กิโลกรัม: 
   80 × 0.8 = 64 กรัม 
   80 × 1.0 = 80 กรัม 
   ดังนั้น, ควรบริโภคโปรตีนประมาณ 64-80 กรัมต่อวัน

2. **คนที่ออกกำลังกายหรือฝึกกล้ามเนื้อ:** 
   ประมาณ 1.2-2.0 กรัมโปรตีนต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม 
   คำนวณสำหรับน้ำหนัก 80 กิโลกรัม: 
   80 × 1.2 = 96 กรัม 
   80 × 2.0 = 160 กรัม 
   ดังนั้น, ควรบริโภคโปรตีนประมาณ 96-160 กรัมต่อวัน

ในกรณีที่คุณมีเป้าหมายในการสร้างกล้ามเนื้อหรือมีการออกกำลังกายหนัก ควรทานโปรตีนที่มากขึ้น เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูและการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ
#2
**ข้อผิดพลาด 503 Service Unavailable** เป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเมื่อเซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถให้บริการได้ในขณะนั้น อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เซิร์ฟเวอร์มีการโหลดมากเกินไป การบำรุงรักษาระบบ หรือการขัดข้องของเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว ซึ่งข้อผิดพลาดนี้หมายความว่าเซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถตอบสนองคำขอได้ในขณะนี้ แต่ไม่ใช่ข้อผิดพลาดที่เกิดจากฝั่งผู้ใช้

### วิธีแก้ไขข้อผิดพลาด 503:
1. **ลองโหลดใหม่:** บางครั้งข้อผิดพลาดนี้อาจเกิดขึ้นชั่วคราว คุณสามารถลองรีเฟรชหรือโหลดหน้าเว็บใหม่อีกครั้ง
2. **ตรวจสอบสถานะเซิร์ฟเวอร์:** หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ลองตรวจสอบสถานะของเซิร์ฟเวอร์ หรือบริการที่คุณใช้งาน (เช่น โฮสติ้ง, API หรือเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูล) ว่ามีปัญหาหรือไม่
3. **ตรวจสอบปริมาณการใช้งาน (Traffic):** หากเซิร์ฟเวอร์ของคุณมีปริมาณการใช้งานสูง อาจทำให้เซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถให้บริการได้ ควรเพิ่มทรัพยากรหรือใช้การกระจายโหลด
4. **ตรวจสอบการบำรุงรักษา:** หากมีการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเซิร์ฟเวอร์จะกลับมาทำงานได้ในไม่ช้า
5. **ติดต่อผู้ให้บริการ:** หากคุณไม่สามารถหาสาเหตุหรือแก้ไขได้ ควรติดต่อผู้ให้บริการโฮสติ้งหรือบริการเว็บของคุณ เพื่อขอความช่วยเหลือ

ข้อผิดพลาด 503 ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากปัญหาที่เซิร์ฟเวอร์หรือบริการไม่ได้มีประสิทธิภาพเพียงพอในช่วงเวลานั้น และมักจะแก้ไขได้เมื่อสถานการณ์กลับสู่ปกติ.
#3
Two-factor authentication (2FA) คือ ระบบการรักษาความปลอดภัยที่ต้องการการยืนยันตัวตนจากผู้ใช้งานสองขั้นตอนก่อนที่จะสามารถเข้าถึงบัญชีหรือบริการได้ โดยปกติแล้วขั้นตอนแรกจะเป็นการกรอกรหัสผ่าน (สิ่งที่ผู้ใช้รู้) และขั้นตอนที่สองจะเป็นการยืนยันตัวตนผ่านวิธีที่สอง เช่น:

1. **รหัสที่ส่งไปยังโทรศัพท์มือถือ** (ข้อความ SMS หรือแอปพลิเคชันตัวสร้างรหัส)
2. **การยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน** (เช่น Google Authenticator หรือ Authy)
3. **การใช้การยืนยันตัวตนผ่านลายนิ้วมือ หรือสแกนใบหน้า** (biometric authentication)

โดยการใช้ระบบ 2FA จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีผู้ใช้ เนื่องจากแม้ว่าผู้ไม่หวังดีจะทราบรหัสผ่านของเรา ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงบัญชีได้ถ้าพวกเขาไม่มีการยืนยันตัวตนในขั้นตอนที่สอง.
#4
การที่ Discord ขึ้นข้อความ "Claim Account" หมายถึงบัญชีของคุณกำลังถูกยืนยันหรือกำลังจะได้รับการยืนยันว่าคุณเป็นเจ้าของบัญชีดังกล่าว โดยปกติแล้วจะเกิดขึ้นในกรณีที่คุณลงทะเบียนด้วยอีเมลใหม่หรือเมื่อคุณต้องการเข้าถึงบัญชี Discord ที่สร้างขึ้นจากระบบอื่น ๆ (เช่น ผ่านทางบัญชี Twitter หรือ Google) แล้วต้องยืนยันตัวตนผ่านทางอีเมล

ขั้นตอนทั่วไปในการทำ "Claim Account" มีดังนี้:
1. Discord จะส่งอีเมลยืนยันไปที่อีเมลที่คุณใช้ลงทะเบียน
2. คุณต้องคลิกลิงก์ในอีเมลเพื่อยืนยันบัญชีของคุณ
3. หลังจากที่คุณคลิกลิงก์ในอีเมลแล้ว บัญชีของคุณจะได้รับการยืนยันและสามารถใช้งานได้ตามปกติ

หากคุณไม่ได้รับอีเมลยืนยัน หรือมีปัญหาอื่น ๆ คุณอาจต้องตรวจสอบที่โฟลเดอร์สแปม (Spam) หรือขอรหัสผ่านใหม่ (Forgot Password) เพื่อเข้าใช้งานบัญชีของคุณอีกครั้ง
#5
การสมัครบัญชีที่ **Exness** ผ่านมือถือสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้:

### 1. **ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน https://one.exnesstrack.org/a/mobile?platform=mobile
  - ไปที่ **Google Play Store** (สำหรับ Android) หรือ **App Store** (สำหรับ iOS)
  - ค้นหาคำว่า "Exness" และดาวน์โหลดแอป Exness Trading

### 2. **เปิดแอป Exness**
  - เมื่อดาวน์โหลดและติดตั้งแอปแล้ว ให้เปิดแอป

### 3. **เริ่มการสมัคร**
  - ในหน้าจอเริ่มต้นของแอป คุณจะเห็นปุ่ม "สมัครสมาชิก" หรือ "Register"
  - กดที่ปุ่ม "สมัครสมาชิก"
  - เลือกประเทศ : ไทย
  - Partner code : 73208

### 4. **กรอกข้อมูลส่วนตัว**
  - **อีเมล**: ใส่อีเมลที่ใช้ในการสมัคร
  - **รหัสผ่าน**: สร้างรหัสผ่านที่แข็งแรง
  - **ชื่อ-นามสกุล**: กรอกข้อมูลชื่อและนามสกุลของคุณ
  - **หมายเลขโทรศัพท์**: กรอกหมายเลขโทรศัพท์ (บางกรณีอาจต้องยืนยันหมายเลขโทรศัพท์)

### 5. **เลือกประเภทบัญชี**
  - Exness มีตัวเลือกบัญชีหลายประเภท เช่น **Standard** หรือ **Pro** ขึ้นอยู่กับประเภทการเทรดของคุณ เลือกบัญชีที่ต้องการสมัคร

### 6. **ยืนยันตัวตน**
  - หลังจากกรอกข้อมูลทั้งหมดแล้ว คุณจะต้องยืนยันตัวตนโดยการอัปโหลดเอกสารที่จำเป็น เช่น **บัตรประชาชน** หรือ **ใบขับขี่** และเอกสารยืนยันที่อยู่ (เช่น บิลค่าน้ำค่าไฟ)
  - ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารที่ส่งเป็นไปตามข้อกำหนดของ Exness

### 7. **ตั้งค่า Metatrader**
  - หลังจากการสมัครสำเร็จ คุณจะได้รับข้อมูลบัญชี เช่น **หมายเลขบัญชี** และ **รหัสผ่าน**
  - คุณสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อเข้าสู่ระบบในแอป **MetaTrader 4** หรือ **MetaTrader 5** เพื่อเริ่มการเทรด

### 8. **ฝากเงิน (ถ้าจำเป็น)**
  - หลังจากที่บัญชีได้รับการยืนยันแล้ว คุณสามารถฝากเงินเข้าไปในบัญชีเพื่อเริ่มการเทรดได้ โดยใช้วิธีการชำระเงินต่างๆ ที่ Exness รองรับ เช่น การโอนผ่านธนาคาร การใช้บัตรเครดิต หรือการใช้ e-wallets

เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมด คุณก็พร้อมที่จะเริ่มเทรดใน Exness ผ่านมือถือแล้ว!
#6
ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนผู้ใช้งาน PC และมือถือ รวมถึงระยะเวลาการใช้งานต่อวัน ขึ้นอยู่กับแหล่งข้อมูลและการสำรวจในแต่ละปี ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพการใช้งานเทคโนโลยีในแต่ละประเทศและแต่ละกลุ่มประชากร อย่างไรก็ตาม ตามการสำรวจล่าสุด (เช่น ปี 2023) และแนวโน้มการใช้งานทั่วไป พบว่า:

1. **จำนวนผู้ใช้งาน PC**:
   - การใช้งาน PC ในปี 2023 มีจำนวนผู้ใช้งานที่ลดลงเล็กน้อยในบางกลุ่ม (เช่น กลุ่มคนรุ่นใหม่) เนื่องจากมีการเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์พกพา เช่น มือถือ แท็บเล็ต เป็นต้น
   - อย่างไรก็ตาม PC ยังคงเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการทำงานที่ต้องการความสามารถในการประมวลผลสูง หรือใช้ในการเรียนการสอนและการทำงานที่ต้องการพื้นที่หน้าจอใหญ่

2. **จำนวนผู้ใช้งานมือถือ**:
   - มือถือเป็นอุปกรณ์ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในระดับสูง
   - การสำรวจโดย Statista ในปี 2023 พบว่า มีผู้ใช้งานมือถือกว่า 6.8 พันล้านคนทั่วโลก

3. **ระยะเวลาการใช้งานต่อวัน**:
   - **มือถือ**: ผู้ใช้งานมือถือทั่วไปมักใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 3-5 ชั่วโมงต่อวันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและอาชีพ
   - **PC**: การใช้งาน PC โดยเฉลี่ยอาจอยู่ที่ประมาณ 4-8 ชั่วโมงต่อวันในกลุ่มคนที่ทำงานหรือเรียนออนไลน์ แต่ถ้าหากเป็นการใช้งานส่วนตัวหรือเพื่อความบันเทิง เช่น การเล่นเกม อาจใช้เวลามากกว่านั้น

การสำรวจเหล่านี้เป็นแนวโน้มทั่วไป และอาจแตกต่างกันตามกลุ่มผู้ใช้และลักษณะการใช้งาน
#7
การสมัครบัญชีที่เว็บไซต์ Exness สามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้:

1. **เข้าชมเว็บไซต์ Exness
  ไปที่เว็บไซต์ https://www.exness.com/a/73208

2. **คลิก "สมัคร"**:
  ที่มุมขวาบนของหน้าเว็บไซต์ จะมีปุ่ม "สมัคร" หรือ "Open Account" คลิกที่ปุ่มนั้นเพื่อเริ่มต้นการสมัครบัญชี

3. **กรอกข้อมูลส่วนตัว**:
  - กรอกข้อมูลที่จำเป็น เช่น ชื่อ, นามสกุล, อีเมล, หมายเลขโทรศัพท์, และรหัสผ่านที่คุณต้องการ
  - เลือกประเทศที่คุณอาศัยอยู่ และเลือกสกุลเงินที่ต้องการใช้งานในบัญชี (เช่น USD, THB)
  - เลือกประเทศ : ไทย
  - Partner code รหัสพาร์ทเนอร์ : 73208

4. **ยืนยันอีเมลและเบอร์โทรศัพท์**:
  หลังจากกรอกข้อมูลแล้ว, ระบบจะส่งอีเมลไปยังที่อยู่อีเมลของคุณ เพื่อให้คุณยืนยันอีเมลนั้น
  นอกจากนี้ คุณจะได้รับรหัสยืนยันทาง SMS เพื่อยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ

5. **อัปโหลดเอกสารเพื่อยืนยันตัวตน (KYC)**:
  เพื่อให้บัญชีของคุณปลอดภัยและเป็นไปตามกฎระเบียบทางการเงิน, คุณจะต้องอัปโหลดเอกสารเพื่อยืนยันตัวตน เช่น:
  - เอกสารประจำตัว (เช่น บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต)
  - หลักฐานที่อยู่ (เช่น บิลค่าสาธารณูปโภคหรือใบแจ้งหนี้จากธนาคาร)

6. **เลือกประเภทบัญชี**:
  เมื่อเสร็จสิ้นการยืนยันตัวตน, คุณสามารถเลือกประเภทบัญชีที่ต้องการใช้งาน เช่น:
  - Standard Cent
  - Standard
  - Pro
  - Zero
  - Raw Spread

7. **ฝากเงิน**:
  เมื่อเปิดบัญชีสำเร็จ, คุณสามารถฝากเงินเข้าบัญชีเทรดของคุณได้ผ่านทางวิธีการต่าง ๆ เช่น การโอนผ่านธนาคาร, การใช้บัตรเครดิต/เดบิต, หรือระบบการชำระเงินออนไลน์อื่น ๆ

8. **เริ่มต้นการเทรด**:
  เมื่อฝากเงินสำเร็จแล้ว, คุณสามารถดาวน์โหลดโปรแกรม MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) เพื่อเริ่มการเทรดได้ทันที

หลังจากทำตามขั้นตอนทั้งหมดนี้แล้ว, คุณก็พร้อมที่จะเริ่มการเทรดกับ Exness ได้เลย!
#8
ในการแก้ไข **SPF Record** ผ่าน Plesk (เครื่องมือจัดการเซิร์ฟเวอร์เว็บและโดเมน) คุณสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้:

### ขั้นตอนการแก้ไข SPF Record ผ่าน Plesk:

1. **ล็อกอินเข้าสู่ Plesk**:
   - เข้าไปที่ URL ของ Plesk (เช่น `https://your-server-ip:8443` หรือ `https://yourdomain.com:8443`)
   - กรอกชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่ระบบ Plesk

2. **เลือกโดเมนที่ต้องการแก้ไข**:
   - หลังจากล็อกอินเข้าไปแล้ว คุณจะเห็นรายชื่อโดเมนทั้งหมดใน Plesk
   - คลิกที่โดเมนที่คุณต้องการแก้ไข SPF Record

3. **ไปที่การตั้งค่า DNS**:
   - ในหน้าจอของโดเมนที่เลือก ให้คลิกที่ **"Websites & Domains"** (เว็บไซต์และโดเมน)
   - แล้วเลือก **"DNS Settings"** (การตั้งค่า DNS)

4. **ค้นหาและแก้ไข SPF Record**:
   - ในหน้า DNS Settings คุณจะเห็นรายการ DNS Record ทั้งหมดของโดเมน
   - ค้นหา **TXT Record** ที่มีการตั้งค่า SPF อยู่ในนั้น (อาจจะเป็นข้อความที่ขึ้นต้นด้วย `v=spf1`)
   - ถ้าคุณยังไม่เห็น SPF Record ให้คลิกที่ **"Add Record"** (เพิ่มบันทึก) และเลือก **"TXT"**
   - ใส่ค่า SPF Record ที่ต้องการแก้ไขหรือเพิ่ม เช่น:
     ```
     v=spf1 ip4:192.168.1.1 include:_spf.google.com -all
     ```
     ในที่นี้จะอนุญาตให้ IP 192.168.1.1 และเซิร์ฟเวอร์ที่ระบุใน `_spf.google.com` ส่งอีเมลจากโดเมนนี้

5. **บันทึกการเปลี่ยนแปลง**:
   - หลังจากแก้ไข SPF Record เสร็จแล้ว ให้คลิกที่ **"OK"** หรือ **"Apply"** เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลง
   - ระบบจะทำการอัปเดต DNS และเปลี่ยนแปลงค่าของ SPF Record ตามที่คุณกำหนด

6. **ตรวจสอบการตั้งค่า SPF**:
   - คุณสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์เช่น [MXToolbox](https://mxtoolbox.com/spf.aspx) เพื่อเช็คว่า SPF Record ของคุณถูกตั้งค่าถูกต้องหรือไม่
   - เพียงกรอกโดเมนของคุณลงไปแล้วคลิก **"SPF Record Lookup"**

#9
**SPF (Sender Policy Framework)** คือมาตรฐานในการตรวจสอบว่าอีเมลที่ส่งมาจากโดเมนหนึ่ง ๆ มีสิทธิ์ในการส่งอีเมลจากเซิร์ฟเวอร์ที่กำหนดหรือไม่ โดยจะใช้ **SPF Record** ในการตั้งค่าในระบบ DNS ของโดเมนนั้น ๆ เพื่อป้องกันการปลอมแปลงอีเมล (Email Spoofing) และการส่งอีเมลขยะ (Spam) ซึ่งอาจเกิดจากโดเมนที่ไม่สามารถตรวจสอบได้

### วิธีการทำงานของ SPF Record:

1. **การตั้งค่า SPF Record**:
   เจ้าของโดเมนจะต้องเพิ่ม SPF Record ลงใน DNS ของโดเมน (เป็นข้อความในรูปแบบของ TXT Record) ซึ่งจะระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ใดที่ได้รับอนุญาตให้ส่งอีเมลจากโดเมนนี้ ตัวอย่างของ SPF Record อาจมีลักษณะเช่นนี้:
   ```
   v=spf1 include:_spf.google.com ~all
   ```
   โดยคำอธิบายของแต่ละส่วนคือ:
   - `v=spf1`: หมายถึงเวอร์ชันของ SPF ที่ใช้อยู่ (ในที่นี้คือเวอร์ชัน 1)
   - `include:_spf.google.com`: ระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในรายการของ `google.com` ได้รับอนุญาตให้ส่งอีเมลจากโดเมนนี้
   - `~all`: หมายถึงหากมีการตรวจสอบและพบว่าเซิร์ฟเวอร์ไม่ตรงกับที่ระบุใน SPF Record จะถือว่าเป็น "Soft Fail" (ไม่แน่ชัด แต่ยังคงรับอีเมลได้)

2. **การตรวจสอบ SPF ในการส่งอีเมล**:
   เมื่อเซิร์ฟเวอร์รับอีเมลเข้า มันจะตรวจสอบว่าอีเมลนั้นถูกส่งมาจากเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับอนุญาตจาก SPF Record ของโดเมนผู้ส่งหรือไม่ กระบวนการนี้ทำงานดังนี้:
   - เซิร์ฟเวอร์ที่รับอีเมลจะดึงค่า SPF Record จาก DNS ของโดเมนผู้ส่ง (เช่น หากโดเมนผู้ส่งคือ `example.com` ก็จะค้นหา SPF Record ของ `example.com` ใน DNS)
   - เซิร์ฟเวอร์จะตรวจสอบว่าไอพีของเซิร์ฟเวอร์ที่ส่งอีเมลนั้นตรงกับที่ระบุไว้ใน SPF Record หรือไม่
   - หากตรงกัน อีเมลจะถูกส่งต่อไปยังผู้รับตามปกติ
   - หากไม่ตรงกัน จะมีการตัดสินใจตามค่าที่ระบุใน SPF Record (เช่น `-all` จะเป็นการบล็อกอีเมลทันที)

3. **ผลลัพธ์จากการตรวจสอบ SPF**:
   การตรวจสอบ SPF จะส่งคืนผลลัพธ์ดังนี้:
   - **Pass**: หมายความว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ส่งอีเมลได้รับอนุญาต
   - **Fail**: หมายความว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ส่งอีเมลไม่ได้รับอนุญาต และอาจถูกปฏิเสธ
   - **Soft Fail**: หมายความว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ส่งอีเมลไม่ได้รับอนุญาต แต่การปฏิเสธจะขึ้นอยู่กับการตั้งค่าอื่น ๆ หรือความพยายามในการจัดการ
   - **Neutral**: หมายความว่าไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ใน SPF Record และจะไม่สามารถตัดสินใจได้

### ประโยชน์ของ SPF Record:
- **ป้องกันการปลอมแปลงอีเมล (Email Spoofing)**: ช่วยให้มั่นใจได้ว่าอีเมลที่ส่งมาจากโดเมนจริง ๆ จะต้องมาจากเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับอนุญาต
- **ป้องกันอีเมลขยะ (Spam)**: ช่วยป้องกันการส่งอีเมลขยะที่อาจทำให้โดเมนของคุณเสียชื่อเสียง
- **เพิ่มความน่าเชื่อถือของอีเมล**: ช่วยให้ผู้รับอีเมลรู้ว่าอีเมลที่มาจากโดเมนของคุณเป็นอีเมลที่เชื่อถือได้

### ตัวอย่างการตั้งค่า SPF Record:
- **Allow specific IP address**:
   ```
   v=spf1 ip4:192.168.1.1 -all
   ```
   อนุญาตเฉพาะ IP 192.168.1.1 ในการส่งอีเมลจากโดเมนนี้
- **Allow specific domain**:
   ```
   v=spf1 include:spf.example.com -all
   ```
   อนุญาตให้เซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับอนุญาตจาก `spf.example.com` ส่งอีเมลจากโดเมนนี้

การตั้งค่า SPF เป็นการป้องกันขั้นพื้นฐานที่สำคัญในการเพิ่มความปลอดภัยให้กับการส่งอีเมล หากคุณมีโดเมนของตัวเอง ควรพิจารณาตั้งค่า SPF Record เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและปัญหาอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับการส่งอีเมล
#10
การเลือกและลงทะเบียนโดเมนเนม (Domain Name) สามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้:

### 1. **เลือกชื่อโดเมนที่เหมาะสม**
   - **สั้นและจำง่าย**: เลือกชื่อที่ไม่ยาวเกินไป และสามารถจดจำได้ง่าย
   - **ใช้คำที่เกี่ยวข้อง**: หากคุณทำธุรกิจ ควรใช้ชื่อที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือสิ่งที่คุณทำ
   - **ตรวจสอบความพร้อม**: ตรวจสอบว่าโดเมนที่คุณต้องการยังว่างอยู่หรือไม่ โดยสามารถใช้เว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น [GoDaddy](https://www.godaddy.com), [Namecheap](https://www.namecheap.com), หรือ [Google Domains](https://domains.google) เพื่อเช็คราคาและสถานะ

### 2. **เลือกประเภทโดเมน (.com, .net, .org, .co.th, etc.)**
   - **.com**: เป็นที่นิยมมากที่สุดสำหรับธุรกิจทั่วไป
   - **.net, .org**: ใช้สำหรับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรหรือธุรกิจด้านเทคโนโลยี
   - **.co.th**: สำหรับธุรกิจที่ต้องการเจาะตลาดไทย หรือเน้นธุรกิจในประเทศไทย

### 3. **ลงทะเบียนโดเมน**
   - **เลือกผู้ให้บริการ**: หลังจากเลือกชื่อโดเมนที่ต้องการแล้ว คุณต้องลงทะเบียนผ่านผู้ให้บริการโดเมน เช่น [GoDaddy](https://www.godaddy.com), [Namecheap](https://www.namecheap.com), หรือ [Google Domains](https://domains.google)
   - **กรอกข้อมูล**: คุณจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวและรายละเอียดการติดต่อ เช่น ชื่อ อีเมล ที่อยู่ ฯลฯ
   - **ชำระเงิน**: ราคาของโดเมนจะขึ้นอยู่กับประเภทและระยะเวลา (1 ปี หรือมากกว่านั้น) รวมถึงค่าใช้จ่ายในการต่ออายุทุกปี

### 4. **ตั้งค่า DNS (Domain Name System)**
   - เมื่อคุณลงทะเบียนโดเมนแล้ว คุณสามารถตั้งค่า DNS เพื่อให้โดเมนเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ หรือเซิร์ฟเวอร์ที่คุณต้องการ

### 5. **ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของเว็บไซต์**
   - หลังจากตั้งค่า DNS แล้ว คุณสามารถเริ่มสร้างเว็บไซต์และใช้งานโดเมนที่คุณลงทะเบียน